ข่าวสาร

สธ.รณรงค์ลดกินเค็ม ย้ำปรุงรสเพิ่มเป็นนิสัย เสี่ยงโรคไตกว่ากินรสจืด

จำนวนเข้าชม

10
แชร์ข่าวสารนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Thai PBS

สธ.รณรงค์ลดกินเค็ม ย้ำปรุงรสเพิ่มเป็นนิสัย เสี่ยงโรคไตกว่ากินรสจืด

         วันที่16 ตุลาคม 2555 ที่อาคารเฉลิมพระบารมี 50 ปี ซ.ศูนย์วิจัย กทม. นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข  พร้อมด้วย ศาสตราจารย์นายแพทย์เกรียง  ตั้งสง่า ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย และผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุรศักด์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “รณรงค์ลดการบริโภคเกลือในประเทศไทย” เพื่อส่งเสริมให้คนไทยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยลดการบริโภคอาหารที่มีรสชาติเค็มให้น้อยลง

         นายแพทย์โสภณกล่าวว่า จากสถิติปี 2554 พบคนไทยป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงจำนวน 11.5 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 21.4 ของผู้ป่วยทั้งหมด โรคไตจำนวน 7.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของผู้ป่วยทั้งหมดโรคหัวใจขาดเลือดจำนวน 0.75 ล้านคนหรือร้อยละ 1.4 ของผู้ป่วยทั้งหมดโรคหลอดเลือดสมอง โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต 0.5 ล้านคนหรือร้อยละ 1.1 ของผู้ป่วยทั้งหมดนอกจากนี้ยังพบว่าโรคหัวใจขาดเลือดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตถึง 1 ใน 3 ของการเสียชีวิตทั้งหมดของประเทศ กว่าร้อยละ 40 เป็นการเสียชีวิตก่อนอายุ 60 ปีซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการ รับประทานอาหารที่มีเกลือ หรือโซเดียมสูงเป็นประจำจากการสำรวจพบว่าคนไทยบริโภคเกลือหรือโซเดียม มากกว่าปริมาณที่แนะนำถึง 2เท่า คือ 10.8 กรัม ซึ่งใน 1 วันควรบริโภคเกลือเพียงวันละ 5 กรัมหรือ 1 ช้อนชาเท่านั้น

         นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มจัดส่งผลให้ความดันโลหิตสูงเพิ่มการรั่วของโปรตีนในปัสสาวะ และยังมีผลเสียต่อไตโดยตรงทำให้หัวใจทำงานหนักก่อให้เกิดภาวะหัวใจวาย และความดันโลหิตสูงความดันในสมองเพิ่มขึ้น มีโอกาสเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามความร่วมมือกับ 8 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุขกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย สำนักนายกรัฐมนตรีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพหรือสสส. มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการลดโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตที่สำคัญ 5 โรคได้แก่โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด หลอดเลือดสมอง และมะเร็งสร้างกระแส “กินรสจืดยืดชีวิต”โดยในปี 2556 จะขยายความร่วมมือเพิ่มอีก 12 หน่วยงาน

         ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมด้านโภชนาการโดยให้โรงครัวและโรงอาหาร ปรุงอาหารโดยไม่ใช้วัตถุดิบที่เป็นอาหารหมักดองเค็มหรืออาหารที่มีรสเค็มจัด เช่น ไข่เค็ม ปลาเค็ม และขอความร่วมมือให้สมาคมภัตตาคารไทยสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยแห่งประเทศไทยผลิตและจำหน่ายอาหารเมนูสุขภาพที่ลดการปรุงอาหารด้วยผงชูรสลดปริมาณการใช้เครื่องปรุงรส งดพวงเครื่องปรุงรสสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเพิ่มจำนวนเมนูชูสุขภาพให้มากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการดูแลสุขภาพ โดยจะติดตามผลการดำเนินงานเป็นระยะ

         นพ.โสภณกล่าวต่อไปว่า การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อลดเค็มทำได้ง่าย ๆ คือ ลดหรือเลี่ยงการใช้เกลือน้ำปลา ซอส ซีอิ๊ว หรือเครื่องปรุงรสต่าง ๆ รวมถึงผงชูรสหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทดองเค็ม อาหารแปรรูป น้ำซุปต่าง ๆ เช่นน้ำก๋วยเตี๋ยว ควรรับประทานแต่น้อยหรือเทน้ำซุปออกบางส่วนแล้วเติมน้ำเพื่อเจือจางลง และสังเกตปริมาณเกลือหรือโซเดียมที่ฉลากผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปก่อนรับประทาน

คำค้น
ผู้เขียน
HITAP