ข่าวสาร

เกลือบริโภคเค็มแต่ไอโอดีนต่ำ สุ่มตรวจแผงค้าไม่ผ่านเกณฑ์อื้อ

จำนวนเข้าชม

10
แชร์ข่าวสารนี้

Lorem Ipsum is simply dummy text of the printing and typesetting industry. Lorem Ipsum has been the industry's standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book.

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นางจิราภา อุณหเลขกะ นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชำนาญการ สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยผลการศึกษาเรื่อง “สถานการณ์ไอโอดีนในเกลือบริโภคในจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี” ในการประชุมวิชาการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 20 ว่า จากการศึกษาปริมาณไอโอดีนในเกลือบริโภคจากแหล่งจำหน่ายและผลิตเกลือที่สำคัญ ของประเทศ ด้วยการสุ่มเกลือสินเธาว์และเกลือสมุทรที่มีและไม่มีฉลากแจ้งเสริมไอโอดีน จากร้านค้าริมถนนพระราม 2 จำนวน 94 ร้าน จาก 148 ร้าน จำนวน 126 ตัวอย่าง และจากร้านค้าในตลาดที่มีโครงสร้างถาวรใน จ.สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และเพชรบุรี จำนวน 11 ตัวอย่าง ที่มีเครื่องหมายการค้าไม่ซ้ำกัน รวม 137 ตัวอย่าง ดำเนินการเก็บตัวอย่างระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2554 แล้วนำมาวิเคราะห์หาปริมาณไอโอดีนด้วยวิธีการไตเตรท ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐาน พบว่าเป็นเกลือป่นที่ระบุว่าเสริมไอโอดีน จำนวน 27 ตัวอย่าง และเกลือไม่เสริมไอโอดีน จำนวน 110 ตัวอย่าง

นางจิราภากล่าวว่า ในส่วนของตัวอย่างที่เก็บจากร้านค้าในตลาดที่มีโครงสร้างถาวรใน 3 จังหวัด จำนวน 11 ตัวอย่าง ผลการศึกษาพบว่าผ่านเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศของ สธ. ที่กำหนดให้มีปริมาณไอโอดีนในเกลือบริโภคไม่น้อยกว่า 20 และไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม (มก./กก.) เพียงร้อยละ 27.3 ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานถึงร้อยละ 72.7 สำหรับตัวอย่างจากตลาดที่มีโครงสร้างและร้านค้าแผงลอยริมถนนที่มีฉลากแจ้ง ว่าเสริมไอโอดีน จำนวน 27 ตัวอย่าง ผ่านเกณฑ์มาตรฐานเพียงร้อยละ 26 ที่เหลือไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน และเกลือสมุทรที่ไม่เสริมไอโอดีนทั้งหมดไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน

“เกลือ บริโภคที่ไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานมีทั้งที่มีปริมาณไอโอดีนเกินและต่ำกว่าค่า มาตรฐาน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะค่ามาตรฐานของปริมาณไอโอดีนในเกลือบริโภคเดิมกำหนดว่า ไม่น้อยกว่า 30 มก./กก. ที่ผ่านมาผู้ผลิตจำนวนมากจึงเติมไอโอดีนลงไปในปริมาณที่มากไว้ก่อน ซึ่งอาจจะเติมถึง 40 หรือ 50 มก./กก. ซึ่งหากผู้บริโภคได้รับไอโอดีนในปริมาณที่น้อยจะไม่เกิดประโยชน์กับร่างกาย แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เป็นพิษต่อร่างกายแทน ดังนั้น ผู้ผลิตเกลือบริโภคควรใช้ชุดทดสอบปริมาณไอโอดีนในเกลือบริโภคก่อนที่จะวาง จำหน่ายเกลือบริโภค เพื่อให้ทราบปริมาณไอโอดีน โดยปัจจุบันมี 3 หน่วยงานที่สามารถผลิตชุดทดสอบได้ คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมอนามัย และมหาวิทยาลัยมหิดล” นางจิราภากล่าว และว่า

ทั้งเกลือสมุทรและ เกลือสินเธาว์มีปริมาณไอโอดีนค่อนข้างน้อยอยู่แล้ว ในเกลือบริโภคจึงต้องมีการกำหนดให้มีการเติมไอโอดีนเพิ่ม ซึ่งเกลือบริโภคส่วนใหญ่นิยมนำเกลือสินเธาว์มาเพิ่มไอโอดีน เพราะเกลือสมุทรผลึกใหญ่นำมาทำเป็นเกลือบริโภคยาก ส่วนเกลือที่จำหน่ายเป็นถุงใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นเกลือที่นำไปดองผักไม่จำเป็นต้องเติมไอโอดีน

ที่มานสพ.มติชน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ประชาชาติธุรกิจ

คำค้น
ผู้เขียน
HITAP