ข่าวสาร

รมช.สธ. ห่วงเด็กติดเกม -อ้วน สายตาเสื่อม ช่วงปิดเทอม แนะพ่อแม่ใช้คาถา 10 ข้อ ดูแลลูก

จำนวนเข้าชม

10
แชร์ข่าวสารนี้

รมช.สธ. ห่วงเด็กติดเกม -อ้วน สายตาเสื่อม ช่วงปิดเทอม แนะพ่อแม่ใช้คาถา 10 ข้อ ดูแลลูก

ขอขอบคุณข้อมูลจาก กระทรวงสาธารสุข

วันนี้ (7 ตุลาคม 2553) ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงปิดเทอม เด็กส่วนใหญ่จะใช้เวลาว่างเล่นอินเทอร์เน็ต เล่นเกมหรือท่องโลกในยุคไซเบอร์ จนเกิดปัญหาติดเกม หยุดไม่ได้ และในขณะที่เล่นเกมเด็กจะดื่มน้ำอัดลม กินอาหารประเภทอาหารขยะ ซึ่งกินง่ายสะดวก ไม่ต้องใส่จาน หรืออมลูกอมไปด้วย ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อ้วนขึ้นรวดเร็ว เพราะนั่งอยู่กับที่มีแต่รับพลังงานเพิ่ม ไม่มีการออกกำลังกายใช้พลังงาน จากรายงานโครงการเฝ้าระวังปัญหาเด็ก ในพ.ศ. 2549-2550 พบว่าเด็กประถมศึกษาถึงระดับปริญญาตรีเล่นเกมร้อยละ 18- 23 เด็กยิ่งเล็กยิ่งเล่นเกมมากกว่าเด็กโต โดยใช้เวลาเล่นเกมมากกว่า 1 ชั่วโมงใน 1 วัน

ดร.พรรณสิริ กล่าวอีกว่า ผลกระทบของการเล่นเกมจนติด จะทำให้มีปัญหาในการควบคุมตนเอง ขาดจิตสำนึกที่จะปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง และสุขภาพไม่แข็งแรง จากรายกงานของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ในปี 2548-2550 พบเด็กเล่นเกมมีสายตาแย่ลงมากขึ้น ร่างกายไม่แข็งแรงเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกาย มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงขึ้น โดยพบว่ามีการสิ้นเปลืองเงินและเวลาเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 71 เป็นร้อยละ 89 สายตาแย่ลงจากร้อยละ 78 เพิ่มเป็นร้อยละ 83

ข้อสังเกตสำหรับพ่อแม่ว่าลูกมีพฤติกรรมติดเกมเข้าขั้นต้องแก้ไข ดังนี้ เด็กจะใช้เวลาเล่นเกมครั้งละไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมงหรือเล่นอย่างหามรุ่งหามค่ำ ไม่สนใจกิจกรรมที่เคยชอบหรือเคยทำเป็นกิจวัตร เช่น ไม่ทำการบ้าน ผลการเรียนลดลง ไม่รับประทานอาหารร่วมกับครอบครัว เลิกเล่นกีฬา เลิกดูทีวี เลิกดูหนัง ปฏิเสธการไปเที่ยวกับเพื่อนหรือสมาชิกในบ้าน ควบคุมตัวเองไม่ได้ที่จะเข้าไปเล่นเกม เช่น ตื่นนอนก็เล่น กลับถึงบ้านก็ตรงไปที่เครื่องเล่นเกม หรือเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเล่นเกม หรือออกไปเล่นเกมที่ร้านอินเตอร์เน็ต แอบลุกขึ้นมาเล่นเกมตอนดึก ไม่สามารถควบคุมตนเองให้เล่นในเวลาที่กำหนด ใช้เวลาเล่นเกมติดต่อกันหลายชั่วโมงหรือเล่นนานขึ้นเรื่อยๆ ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องเล่นเกม เป็นต้น

ดร.พรรณสิริกล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจะผลักดันให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กติดเกมเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้เกิดความร่วมมือหลายกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมแก้ไขอย่างจริงจัง โดยมอบให้กรมสุขภาพจิตซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะจำนวนมาก เป็นหน่วยงานหลัก เพื่อวางระบบป้องกันแก้ไข ให้เยาวชนหันมาใช้อินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์ในการเรียน การที่เด็กติดเกมอาจเป็นเพราะพ่อแม่ ผู้ปกครองไม่ตัดไฟแต่ต้นลม ไม่กำหนดกติกาหรือฝึกเด็กให้มีวินัย เมื่อปล่อยเวลาเนิ่นนานไปจึงทำให้เด็กเกิดความเคยชิน กลายเป็นเด็กติดเกม ควบคุมตัวเองไม่ได้

ทางด้านนายแพทย์อภิชัย มงคล ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หลักเกณฑ์การแก้ไขพฤติกรรมเด็กติดเกม ต้องค่อยเป็นค่อยไป ให้เวลาเด็กปรับตัว ที่สำคัญพ่อแม่ต้องเป็นกำลังใจให้ด้วย ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเสริมสร้างทักษะชีวิตให้กับเด็ก ส่งเสริมให้ความรู้กับพ่อแม่และครอบครัวในการดูแลเด็กติดเกม

นายแพทย์อภิชัย กล่าวต่อว่า ในการป้องกันหรือแก้ไขปัญหาของเด็กและเยาวชนที่เริ่มชอบหรือคลั่งไคล้ หรือติดเกมหรือใช้อินเทอร์เน็ต มีข้อแนะนำผู้ปกครอง 10 ข้อ ดังนี้ 1. ให้เริ่มสร้างวินัยและความรับผิดชอบให้เด็กตั้งแต่ยังเล็ก 2. ลดโอกาสให้เด็กเข้าถึงคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต 3. ใช้มาตรการทางการเงิน โดยจำกัดจำนวนและความถี่ของการให้เงิน ให้เด็กทำงานแลกกับเงิน 4. รับฟังและพูดดีต่อเด็ก 5. ชื่นชม ให้กำลังใจเด็ก โดยขยันมองเห็นด้านดีหรือด้านบวกในตัวลูกแม้จะเล็กน้อยก็ตาม 6. ร่วมกำหนดกติกาอย่างเป็นรูปธรรม และบังคับใช้อย่างเข้มแข็ง แต่อ่อนโยน 7. มีทางออกที่สร้างสรรค์ให้เด็ก 8. สร้างรอยยิ้มเล็กๆในครอบครัว 9. ควบคุมอารมณ์และสร้างความสุขเล็กๆในใจของพ่อแม่เอง และ10. เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราก่อนทันที เช่น ลดการทะเลาะกัน ลดการดื่มเหล้า เปลี่ยนเป็นคำชื่นชมแทนการตำหนิ

ขณะนี้กรมสุขภาพจิต มีโครงการและกิจกรรมต่างๆสำหรับพ่อแม่และเด็ก โดยเปิดคลินิกบำบัดปัญหาเด็กติดเกม เป็นกิจกรรมกลุ่มเพื่อก่อให้เกิดการปรับความคิดและพฤติกรรม พร้อมกับฝึกการสื่อสารและการแก้ปัญหาสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมงติดต่อกัน 8 สัปดาห์ เพื่อให้เด็กและผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมด้วย 3 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีโครงการอบรมเทคนิคการดูแลเด็กติดเกมเบื้องต้นสำหรับผู้ปกครอง การเข้าค่ายครอบครัวป้องกันปัญหาเด็กติดเกม และค่ายพัฒนาศักยภาพป้องกันปัญหาเด็กติดเกม สามารถสอบถามการเข้าร่วมกิจกรรมและรายละเอียดได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 0-23548305-7 ในวันและเวลาราชการ และรับบริการปรึกษาปัญหาทางโทรศัพท์ ในวันจันทร์- ศุกร์ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.00 น. ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-23548300

คำค้น
ผู้เขียน
HITAP