ข่าวสาร

พบเด็ก ป.1 และ ป.6 ได้รับวัคซีนต่ำกว่าเกณฑ์ เหตุ จนท.ละเลย

จำนวนเข้าชม

10
แชร์ข่าวสารนี้

นักวิจัย เผยพบเด็ก ป.1 และ ป.6 ได้รับวัคซีน ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือร้อยละ 95 เหตุเจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปฉีดวัคซีน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์

      น.ส.เอมอร ราษฎร์จำเริญสุข นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ จากกลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน กรมควบคุมโรค ผู้ได้รับรางวัลผลงานวิชาการดีเด่น ของปี 2552 จากการวิจัยเรื่อง “การสำรวจการได้รับวัคซีนในเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 6 พ.ศ.2550 เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีการให้วัคซีนอย่างเป็นระบบ มาตั้งแต่ปี 2520 ในกลุ่มเป้าหมายหลักอายุต่ำกว่า 1 ปี และหญิงมีครรภ์ ปัจจุบันมีการให้วัคซีนพื้นฐานเพื่อป้องกันโรครวม 10 โรค ได้แก่ วัณโรคในเด็ก โรคตับอักเสบบี โรคคอตีบ โรคไอกรน โรคบาดทะยัก โรคโปลิโอ โรคหัด โรคคางทูม โรคหัดเยอรมัน และโรคไข้สมองอักเสบ ปรากฏว่า เกือบทุกวัคซีนมีความครอบคลุมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ซึ่งเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกระดับทั้งในสถานีอนามัย อสม.และประชาชน เป็นผลทำให้โรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนลดลงอย่างมาก และสามารถกวาดล้างไปได้สำเร็จ 1 โรค คือ โปลิโอ ในปัจจุบันไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมากว่า 13 ปี

      น.ส.เอมอร กล่าวต่อไปว่า สำหรับการให้วัคซีนในกลุ่มนักเรียน เริ่มให้ในระดับชั้นประถมปีที่ 1 ตั้งแต่ปี 2525 และชั้นประถมปีที่ 6 เมื่อปี 2529 โดยกำหนดให้วัคซีนชนิดรวมเข็มเดียวกัน 3 ชนิด คือ หัด คางทูม หัดเยอรมัน หรือ เอมเอ็มอาร์ (MMR) แก่นักเรียนชั้น ป.1 และวัคซีนรวม 2 ชนิด คือ คอตีบ และบาดทะยัก หรือ วัคซีนดีที (DT) ในนักเรียนชั้น ป.6 แต่ปรากฏว่ายังพบมีการระบาดของโรคหัดและคางทูมในนักเรียน ในหลายพื้นที่ จึงได้ทำการสำรวจความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนในกลุ่มนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 และปีที่ 6 และหาสาเหตุของการไม่ได้รับวัคซีน โดยสุ่มใน 12 จังหวัดๆ ละ 30 โรงเรียน เก็บข้อมูลเดือนมกราคม- มีนาคม 2550

      ผลการสำรวจพบว่า ในกลุ่มเด็ก ป.1 ได้รับวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ครอบคลุมร้อยละ 91 ในกลุ่มเด็ก ป.6 ได้รับวัคซีนดีที ครอบคลุมร้อยละ 94 ซึ่งยังต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คือ ร้อยละ 95 สาเหตุที่วัคซีนไม่ครอบคลุม อันดับ 1 เกิดจากเจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปฉีดวัคซีน พบในเด็ก ป.1 ร้อยละ 66 จากโรงเรียน 21 แห่ง และ ป.6 ร้อยละ 41 จากโรงเรียน 13 แห่ง รองลงมาคือ เด็กไม่มาโรงเรียนในวันที่เจ้าหน้าที่ไปให้บริการฉีด อาจเกิดจากกลัวเข็ม กลัวหมอ ในเด็ก ป.1 พบร้อยละ 16 และ ป.6 พบร้อยละ 32

      “การที่เจ้าหน้าที่ไม่เข้าไปฉีดวัคซีนให้นักเรียนในโรงเรียน ทำให้นักเรียนไม่มีภูมิคุ้มกันโรค เป็นเหตุให้มีการระบาดของโรคเกิดขึ้น ดังนั้น ทุกจังหวัดจึงต้องเร่งแก้ไขโดยการทำความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่อย่างเร่งด่วน ควรเพิ่มระบบการติดตาม ควบคุม กำกับ โดยดูจากการเบิกวัคซีน จำนวนวัคซีนที่ใช้ไป ประเมินผลการให้วัคซีนของสถานบริการจากการรายงานผลการปฏิบัติงานเป็นรายโรงเรียน เมื่อตรวจสอบพบว่ายังไม่ได้ให้บริการ ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบติดตามให้วัคซีนแก่เด็กโดยเร็ว” น.ส.เอมอร กล่าว

คำค้น
ผู้เขียน
HITAP