logo

รหัสโครงการ

67164036PI040L0

คณะผู้วิจัย

นักวิจัยหลัก

นักวิจัยร่วม

รายละเอียดโครงการ

สถานะงานวิจัย

อยู่ระหว่างการทำวิจัย - 40%

จำนวนผู้เข้าชม: 41 คน

วันที่เผยแพร่ 24 มิถุนายน 2568 07:07

เกี่ยวกับโครงการ

โรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน เป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญระดับโลก ผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกที่มีอายุระหว่าง 20 – 79 ปี มีประมาณ 537 ล้านคน ซึ่งนับเป็นอัตราส่วนมากถึงร้อยละ 10.5 ของประชากรกลุ่มนี้ [1] ซึ่งเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 (T2DM) มากถึง 90-95% ของผู้ป่วยทั้งหมด [2]  ลักษณะสำคัญของเบาหวานชนิดที่ 2 คือภาวะดื้อต่ออินซูลินที่เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง โดยการวินิจฉัยจะพิจารณาจากระดับฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ที่มากกว่าหรือเท่ากับ 6.5% [3, 4]

เดิมเบาหวานชนิดที่ 2 ถูกมองว่าเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 มีการค้นพบวิธีการผ่าตัดกระเพาะเพื่อให้ผู้ป่วยบางรายสามารถเข้าสู่ภาวะโรคสงบ (remission) ได้ [5] โดยระดับน้ำตาลในเลือดสามารถกลับมาอยู่ในเกณฑ์ปกติโดยไม่ต้องใช้ยา และคงอยู่ได้ในระยะหนึ่ง [6] ด้วยความก้าวหน้าของการวิจัยและเทคโนโลยีทางการแพทย์ การศึกษาเกี่ยวกับการรักษาเบาหวานจึงเริ่มใช้คำว่า "ภาวะโรคสงบ" เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการรักษา ปัจจุบันประเทศไทยมี guideline DM remission โดยกล่าวถึงการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่ใช้วินิจฉัยโรคเบาหวาน และคงอยู่อย่างน้อย 3 เดือน โดยไม่ต้องพึ่งยาเพื่อคุมระดับน้ำตาลในเลือด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่สามารถบอกได้ว่าเมื่อผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เข้าสู่เบาหวานระยะสงบพยาธิสภาพของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะกลับมาสู่สภาพปกติและโรคเบาหวานจะไม่กลับมาเป็นอีก ดังนั้น ผู้ป่วยยังคงต้องได้รับการติดตามอาการอย่างต่อเนื่อง ควรตรวจ HbA1c อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง และควรยังคงพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตที่ดีต่อสุขภาพไว้ ทั้งนี้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 อาจไม่สามารถเข้าสู่โรคเบาหวานระยะสงบได้ทุกรายและบางส่วนมีการกลับเป็นซ้ำของโรคเบาหวาน ดังนั้นการสื่อสารกับผู้ป่วยถึงโอกาสสำเร็จและการกลับเป็นซ้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ทีมผู้วิจัยเล็งเห็นความสำคัญการดูแลรักษาผู้ป่วยเบาหวานด้วยการเข้าสู่ภาวะ DM Remission จึงคิดโครงการประเมินกระบวนการและประเมินต้นทุนของการดูแลรักษาดังกล่าว เพื่อการพัฒนาคุณภาพบริการให้เป็นมาตรฐานของประเทศไทยต่อไปในอนาคต และเรียนรู้เกี่ยวกับมาตรการหลายองค์ประกอบ (multi-component intervention) ที่เกี่ยวข้องว่ามีความสำคัญอย่างไร