ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เท่าที่ควร จึงเป็นผลให้ประเทศเป็นผู้บริโภคของนวัตกรรมด้านสุขภาพเป็นส่วนใหญ่ แต่ละปีมีการนำเข้ายา วัคซีน เครื่องมือแพทย์และนวัตกรรมด้านสุขภาพจากต่างประเทศจำนวนมาก นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในประเทศจำนวนมากไม่ถูกนำไปต่อยอดจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและจำหน่ายในท้องตลาด ถึงแม้ว่า สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) ได้มีการจัดตั้งบัญชีนวัตกรรมไทยขึ้นมา โดยมีผลงานหลักในบัญชีนวัตกรรมไทยคือนวัตกรรมทางการแพทย์ คิดเป็นร้อยละ 51.9 แต่ผลงานวิจัยทางการแพทย์ของประเทศไทยจากทั้งภาครัฐและเอกชนยังไม่ได้รับการนำไปใช้ทางพาณิชย์อย่างแพร่หลาย เนื่องจากขาดโอกาสและการผลักดันในการตอบสนองต่ออุปสรรคต่าง ๆ นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์บางประการที่ถูกนำเข้าทะเบียนนวัตกรรมกลับไม่ได้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการสูงในตลาดและยังไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ซื้อ
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของโครงการการเฟ้นหาและประชันนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการขยายผลเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ของหน่วยงานมูลนิธิเพื่อประเมินนโยบายและเทคโนโลยีด้านสุขภาพ (HITAP Foundation) โดยมีเป้าหมายของโครงการคือการสร้างกลยุทธ์เพื่อรวบรวมรายการนวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศไทยที่อยู่ในระยะการผลิตนวัตกรรมและคณะนักพัฒนา ด้วยการจัดงาน “การเฟ้นหานวัตกรรมทางการแพทย์ของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการขยายผลเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” และการกำหนดเกณฑ์การวิเคราะห์ ประเมินความสำเร็จ ของนวัตกรรมที่มีศักยภาพโดดเด่น (Champion Product) นวัตกรรมที่เป็นที่ต้องการของตลาด (High Demand) และนวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงทางเทคโนโลยี (High Technological Capability) จากการวิเคราะห์และวิพากษ์หลักเกณฑ์การบรรจุนวัตกรรมทางการแพทย์เข้าบัญชีนวัตกรรมไทย และการทบทวนวรรณกรรมเพื่อทำการจัดลำดับความสำคัญและคัดเลือกของนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการแพทย์ตามความต้องการของระบบสาธารณสุขของประเทศ เพื่อทำการประเมินเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงสุดเพื่อกำหนดแนวทางและสร้างกลไกการต่อยอดการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ผ่านการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และสามารถขยายผลเข้าสู่ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ผลสำเร็จของโครงการนี้จะทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้ทราบข้อมูล และปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณค่า ความสำเร็จเชิงพาณิชย์ของนวัตกรรมด้านสุขภาพของประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการจัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมทางการแพทย์ และสนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ให้เกิดความสำเร็จ อีกทั้งจะเป็นการสร้างเครือข่ายนักพัฒนานวัตกรรมในประเทศไทย สำหรับการส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของสมาชิกในเครือข่ายนี้ในอนาคต โดยทั้งนี้แนวทางการดำเนินงานและเครื่องมือต่างๆที่พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการนี้ หน่วยงานสนับสนุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เช่น TCELS สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตเพื่อเฝ้าติดตามนวัตกรรมด้านการแพทย์ของไทยต่อไปในอนาคต