การพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศไทยที่ระบุในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566-2570) โดยหมุดหมายที่ 4 ระบุให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง กำหนดเป้าหมายให้ไทยมีศักยภาพในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากสินค้าและบริการสุขภาพ ลดการนำเข้าครุภัณฑ์ทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่ประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์เท่าที่ควร นวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในประเทศจำนวนมากไม่ถูกนำไปต่อยอดจนกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและจำหน่ายในท้องตลาด ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายปัจจัยและหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญคือ ขาดการประเมินเทคโนโลยีในระยะการพัฒนานวัตกรรม หรือที่เรียกว่า Early Health Technology Assessment หรือ early HTA ซึ่งเป็นกระบวนการประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการนำเทคโนโลยีไปใช้ประโยชน์ในเวชปฏิบัติหรือชีวิตประจำวันของประชาชน ภายใต้เงื่อนไขคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของเทคโนโลยีในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งการประเมินที่ว่านี้จะทำให้ผู้ลงทุนและผู้พัฒนานวัตกรรมทราบเป้าหมายคุณลักษณะหรือคุณสมบัติของเทคโนโลยีที่ต้องพัฒนาขึ้นเพื่อให้เทคโนโลยีนั้น ๆ เป็นที่ต้องการสูงสุดของตลาดที่เรียกว่า Target Product Profile หรือ TPP
การประเมินเทคโนโลยีในระยะการพัฒนานวัตกรรมที่เหมาะสมจะส่งผลให้สามารถลดต้นทุนของการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์ ผู้ลงทุนหรือนักพัฒนานวัตกรรมจะสามารถตัดสินใจได้แม่นยำมากขึ้นว่านวัตกรรมใดควรได้รับการสนับสนุน นวัตกรรมใดควรยุติกระบวนการพัฒนาในระยะเวลาล่วงหน้า นอกจากนี้ early HTA จะทำให้กระบวนการพัฒนานวัตกรรมมีทิศทางมุ่งเป้ามากขึ้นจากการมี TPP ที่ดี ลดระยะเวลาของการพัฒนานวัตกรรมให้สั้นลง สุดท้ายหากการใช้ early HTA เกิดขึ้นกับการพัฒนานวัตกรรมสำหรับประเทศกำลังพัฒนาจะทำให้นวัตรรมเหล่านี้มีความเหมาะสมกับบริบทของระบบสุขภาพของประเทศมากขึ้น
ภายใต้โครงการนี้จะมีการวิจัยเพื่อให้ทราบถึงระดับความตระหนัก ความรู้ความเข้าใจของนักพัฒนานวัตกรรมในประเทศไทย เปรียบเทียบกับนักพัฒนานวัตกรรมในต่างประเทศถึงการใช้ประโยชน์จากการประเมินเทคโนโลยีในการพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ รวมถึงความท้าทายที่นักพัฒนานวัตกรรมเผชิญอยู่ ดำเนินการจัดลำดับความสำคัญและคัดเลือกโครงการพัฒนานวัตกรรมสำหรับการประเมินเทคโนโลยี ประเมินความคุ้มค่าของนวัตกรรมด้านสุขภาพในระยะพัฒนาเพื่อเป็นกรณีศึกษาตัวอย่าง พัฒนาแนวทางการประเมินความคุ้มค่าเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพ รวมถึง reference case สำหรับการรายงานผลเพื่อใช้ประโยชน์ในกระบวนการพัฒนานวัตกรรม และอบรมวิธีการการประเมินความคุ้มค่าเพื่อพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพให้แก่นักพัฒนานวัตกรรมและนักวิชาการ
ผลสำเร็จของโครงการนี้จะทำให้ประเทศไทยสามารถพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพสำหรับใช้ภายใต้ระบบประกันสุขภาพ ทำให้ผู้ป่วยหรือประชาชนกลุ่มเป้าหมายได้รับประโยชน์โดยตรงจากการวิจัยนวัตกรรมในประเทศตามเป้าหมายของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) และนวัตกรรมเหล่านี้อาจส่งออกไปยังต่างประเทศเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ระบบดังกล่าวจะเชื่อมต่อช่องว่างที่มีระหว่างนักพัฒนานวัตกรรมและผู้ผลิตและจำหน่ายนวัตกรรม ไปจนถึงผู้กำหนดนโยบายและแพทย์ผู้ตัดสินใจใช้เทคโนโลยีในระดับประเทศต่อไป ทำให้ระบบวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมีความสำเร็จอย่างยั่งยืน