HITAP Foundation รับรางวัลเกียรติยศ “5 ทศวรรษ ระบบยาประเทศไทย” พร้อมร่วมเสวนาทิศทางบัญชียาหลักแห่งชาติ

วันนี้ (8 ส.ค.) นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี ให้สัมภาษณ์ภายหลังงานเสวนาเรื่อง “ความจริงเรื่องเมทิลโบรไมด์และโบรไมด์อิออน” ว่า ปัจจุบันยังมีความเข้าใจผิดในสารเมทิลโบรไมด์และโบรไมด์อิออนอยู่ การเสวนาในครั้งนี้ก็เพื่อสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การวัดค่าเมทิลโบรไมด์และโบรไมด์อิออน ซึ่งการเสวนาพบว่าที่ผ่านมามีการวัดค่าที่ตรงกัน ผลของการวัดก็จะออกมาตรงกัน การที่บางหน่วยงานออกมาบอกว่ามูลนิธิชีววิถีและมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคแปรค่าผิดนั้น สุดท้ายพบแล้วว่ามีการวัดค่าที่ตรงกัน ซึ่งในอนาคตจะไม่เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอีก 2.เรื่องอันตรายของสารเมทิลโบรไมด์และโบรไมด์อิออน ซึ่งความจริงแล้วสารเหล่านี้ล้วนมีอันตราย แต่ต่างกันตรงที่เมทิลโบรไมด์มีอันตรายเฉียบพลันกว่า โดยเฉพาะผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดและในระยะยาว ซึ่งผลการศึกษาจาก รศ.แก้ว กังสดาลอำไพ สถาบันโภชนาการ ม.มหิดล และ ผศ.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ คณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น ที่ระบุว่าอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งกับผู้ที่สัมผัสโดยตรง แต่ในประชาชนทั่วไปคงต้องทำการศึกษาต่อไป
นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า 3.เรื่องการซาวและหุงข้าวแก้ปัญหาสารตกค้างได้หรือไม่ จากการทดสอบของ ก.เกษตรฯ พบว่า การซาวน้ำ 1 ครั้งสามารถทำให้สารลดลงเหลือร้อยละ 61 ซาวข้าว 2 ครั้งลดลงเหลือร้อยละ 41 แต่การทดลองไม่ได้รวมถึงการหุงข้าวด้วย จึงควรมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำการทดสอบต่อไป และ 4.การกำหนดค่าความเป็นพิษสูงสุดที่ยอมรับให้บริโภคต่อวัน (ADI : Acceptable Daily Intake) ต้องไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวกิโลกรัมต่อวัน (mg/Bwkg) ซึ่งค่ากำหนดดังกล่าวไม่เหมาะสม ควรมีการปรับลดโดยให้เหลือเพียงค่าเอดีไอ 0.1 mg/Bwkg ทั้งนี้ จะทำหนังสือแจ้งไปยังมกอช.และอย.ต่อไป
ด้าน ผศ.นพ.ปัตพงษ์ กล่าวว่า จากการทดลองในสัตว์ทดลองของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งใช้ระยะเวลาในการศึกษาทั้งสิ้น 90 วัน และมีการทดลองค่าสารเคมีในปริมาณที่แตกต่างกัน โดยจากผลการทดลองเฉพาะบางอวัยวะพบว่า เมทิลโบรไมด์มีผลกระทบต่อสมอง ต่อมไร้ท่อ และระบบสืบพันธุ์ทั้งรังไข่และลูกอัณฑะ ทำให้อวัยวะดังกล่าวมีขนาดโตขึ้นและผิดรูป ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย อย่างรังไข่อาจส่งผลกระทบให้เป็นหมันได้
ที่มา : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000098536