logo
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อฝ่ายสื่อสารองค์กร HITAP

“จุรินทร์” สั่งกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประสานงานกับตำรวจ ขยายผลตรวจค้นคลินิคทำแท้งเถื่อน

http://www.moph.go.th/ops/iprg/iprg_new/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=34921

           วันนี้ (18 พฤศจิกายน 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดำเนินงานกรณีพบศพทารกที่เกิดจากการทำแท้ง ถูกนำมาทิ้งที่ช่องเก็บศพ วัดไผ่เงิน เขตบางคอแหลม กทม. ว่า ได้สั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ประสานงานกับเจ้าพนักงานสอบสวน ดำเนินการร่วมกันอย่างต่อเนื่องตลอด2-3วันที่ผ่านมา ล่าสุดวานนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย ที่เขตหนองแขมเปิดเป็นคลินิกทำแท้งเถื่อน ในส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงสาธารณสุข จะตั้งข้อหาอย่างน้อย 2 ข้อหา ข้อหาแรกคือ สถานพยาบาลเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาที่ 2 คือ ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีอาญา เนื่องจากผู้ต้องหารายนี้ไม่ใช่แพทย์ทั้งนี้ ผู้ที่สามารถทำแท้งได้ตามกฎหมายจะต้องเป็นแพทย์เท่านั้นและจะทำได้ใน 2 กรณี กรณีแรกคือ กรณีที่เก็บทารกไว้ในครรภ์ต่อไปจะเป็นอันตรายต่อแม่ และกรณีหญิงที่ถูกข่มขืนโดยมีแนวปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่แพทยสภากำหนดไว้ นอกเหนือจาก 2 กรณีนี้ถือว่าผิดกฎหมาย


          นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพซึ่งรับผิดชอบเรื่องสถานพยาบาลโดยตรง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการปราบปรามหรือตรวจสอบคลินิกที่ผิดกฎหมาย เพื่อขยายผลและติดตามผู้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเข้าตรวจค้นมีพื้นที่เป้าหมายหรือสถานบริการเป้าหมายไว้แล้ว หากมีความคืบหน้าก็จะรายงานให้ทราบแต่ไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ว่าจะไปที่ไหน ได้มอบนโยบายให้เอาผิดกับเรื่องนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และไม่ถูกต้อง


          สำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาติดสินบนกับทางโรงพยาบาลเพื่อขอใบรับรองการเกิดนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า จะมีการสอบสวนต่อไปว่าเป็นความจริงหรือไม่ และเป็นโรงพยาบาลใด ซึ่งหากโรงพยาบาลนั้นออกใบรับรองการเกิดที่เป็นเท็จ โรงพยาบาลนั้นก็จะต้องรับผิดชอบ หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาลมาตรา 73 โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ หากเป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งรู้เห็นกับการกระทำของผู้แจ้ง จะมีความผิดทั้งทางอาญาและมีความผิดทางวินัยด้วยส่วนผู้แจ้งให้เจ้าหน้าที่รัฐจดข้อความอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

19 พฤศจิกายน 2553

Next post > “สธ.” เผยองค์การอนามัยโลก การันตีวัคซีนป้องกันโรคหัดผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมของไทย มีคุณภาพมาตรฐานสากล เป็นประเทศแรก

< Previous post ปัญหาบ้านเมืองกระทบต้นทุนชีวิตเด็กสร้างเด็กพันธุ์ใหม่ก้าวร้าวรุนแรง

Related Posts

HITAP เป็นข่าว ล่าสุด