การอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาการประเมินโครงการลดพฤติกรรมเนือยนิ่ง: อีกก้าวสำคัญสู่สุขภาพที่ดีของคนไทย

เข้าร่วมประชุม ISPOR 12th Annual European Congress ในฐานะผู้ได้รับรางวัล
ISPOR International Fellowship Award
เมื่อวันที่ 22-31 ตุลาคม 2552 ดร.นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ เดินทางไปร่วมงานประชุม ISPOR 12th Annual European Congress ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะผู้ได้รับรางวัล ISPOR International Fellowship Award
สำหรับการประเมินเทคโนโลยีด้านสุขภาพโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประเมินความคุ้มค่าของการใช้ยาและเครื่องมือแพทย์กำลังได้รับความสนใจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ อาจเนื่องจากสาเหตุสำคัญหลายประการได้แก่ การประสบความสำเร็จของหน่วยงานประเมินเทคโนโลยีของยักษ์ใหญ่ในยุโรป เช่น สวีเดน อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และเดนมาร์ค ทำให้เกือบทุกประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปจัดตั้งหน่วยงานในลักษณะใกล้เคียงกันซึ่งรวมถึง France’s la Haute Autorité de Santé (HAS) ในประเทศฝรั่งเศสและ Institute for Quality and Efficiency in Health Care (IQWiG) ในประเทศเยอรมันนี ประการที่สอง การเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านสุขภาพครั้งสำคัญของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ภายใต้โครงการ Comparative Effectiveness Research (CER) ซึ่งจะลงทุนในการวิจัยและพัฒนาที่เน้นการประเมินคุณภาพ ประสิทธิภาพ และผลกระทบด้านต่าง ๆ ของเทคโนโลยีสุขภาพสำหรับใช้ในการกำหนดนโยบายและขยายความคุ้มครองให้แก่ประชาชนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ
ประเด็นที่สำคัญที่มีการพูดถึงในการประชุมครั้งนี้คือแนวคิดของการกำหนดราคาและข้อตกลงของยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์โดยอ้างอิงกับประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ในชีวิตจริง (Performance agreements) ตามแนวคิดดังกล่าว ราคาของยาและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ใหม่ที่นำเข้าสู่ตลาดจะถูกกำหนดขึ้นเป็นเบื้องต้น โดยอ้างอิงจากข้อมูลประสิทธิภาพของเทคโนโลยีใหม่ที่มีอยู่อย่างจำกัด เช่น ข้อมูลจากการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ก่อนขึ้นทะเบียน หลังจากนั้น (ภายในระยะเวลา 2-5 ปี) ระบบประกันสุขภาพจะมีการประเมินเพื่อติดตามประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนั้น โดยใช้ข้อมูลจากเวชปฏิบัติที่เกิดขึ้นจริง หากมีการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเทคโนโลยีเหล่านั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าข้อมูลเบื้องต้น บริษัทผู้ผลิตจะได้รับประโยชน์ในรูปของค่าตอบแทนหรือการอนุญาตให้เพิ่มราคาจำหน่ายในอนาคต ในทางตรงกันข้าม หากเทคโนโลยีมีประสิทธิภาพต่ำกว่าที่คาดไว้ บริษัทผู้ผลิตจะต้องรับผิดชอบโดยการจ่ายเงินทดแทนหรือลดราคาจำหน่ายลง